SHARES:
ในโลกของธุรกิจยุคดิจิทัลที่การแข่งขันรุนแรงขึ้นทุกวัน การเข้าใจคู่แข่งไม่ใช่แค่ “ข้อได้เปรียบ” แต่กลายเป็น “สิ่งจำเป็น” ที่ทุกองค์กรต้องทำอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในวิธีการที่ถูกพูดถึงและนำมาใช้กันอย่างกว้างขวางคือ Competitor Benchmarking หรือ “การวิเคราะห์เปรียบเทียบคู่แข่ง” ที่ช่วยให้ธุรกิจมองเห็นโอกาส จุดแข็ง จุดอ่อน และแนวโน้มของตลาด เพื่อวางกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์มากขึ้น
บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจว่า Competitor Benchmarking คืออะไร ทำไมถึงสำคัญในยุค MarTech และองค์กรสามารถนำมาใช้สร้างกลยุทธ์การตลาดได้อย่างไร พร้อมกรณีศึกษาและเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาท 
Competitor Benchmarking คืออะไร?

Competitor Benchmarking คือกระบวนการ วิเคราะห์ เปรียบเทียบ และประเมินผลการดำเนินธุรกิจของคู่แข่ง โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่วัดได้จริง เช่น ยอดขาย การเข้าถึงกลุ่มลูกค้า กลยุทธ์การสื่อสาร ช่องทางการตลาด ไปจนถึงประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับ

สิ่งสำคัญคือไม่ใช่แค่การ “เฝ้าดู” แต่เป็นการ “วัดผลและเรียนรู้” เพื่อปรับปรุงและยกระดับกลยุทธ์ของธุรกิจตนเอง เช่น

  • ทำไมคู่แข่งถึงมี Engagement สูงกว่า?
  • กลยุทธ์ราคาใดที่ทำให้คู่แข่งได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น?
  • ประสบการณ์หลังการขายของคู่แข่งแตกต่างจากเราหรือไม่?

เมื่อได้คำตอบเหล่านี้ องค์กรจะสามารถสร้าง Roadmap การแข่งขัน ที่ชัดเจนขึ้น 

ทำไม Competitor Benchmarking ถึงสำคัญ?
  1. มองเห็นจุดแข็ง-จุดอ่อนขององค์กรตนเอง
    หลายครั้งองค์กรคิดว่ากำลังทำได้ดี แต่เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งกลับพบว่า ยังมีจุดที่ต้องปรับปรุง การ Benchmark จึงทำให้เห็น “ภาพสะท้อนจริง” ของตำแหน่งทางการตลาด
  2. ค้นหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจ
    หากคู่แข่งทำตลาดในกลุ่มเป้าหมายที่เรายังไม่เข้าถึง นั่นคือสัญญาณที่ดีในการขยายธุรกิจ หรือสร้างสินค้า/บริการใหม่
  3. ป้องกันการเสียส่วนแบ่งตลาด
    การติดตามคู่แข่งทำให้รู้ทันความเคลื่อนไหว เช่น โปรโมชั่น การเปิดตัวสินค้า หรือการรุกตลาดออนไลน์ที่อาจกระทบต่อยอดขายของเรา
  4. วางกลยุทธ์การตลาดได้ตรงเป้ากว่าเดิม
    ด้วยข้อมูลจริง องค์กรสามารถปรับใช้กลยุทธ์ด้านการสื่อสาร ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง และประสบการณ์ลูกค้าให้เหมาะสมกับตลาดและเหนือกว่าคู่แข่ง 
ประเภทของ Competitor Benchmarking
Competitor Benchmarking มีหลายรูปแบบที่องค์กรนิยมใช้ ได้แก่
  1. Product Benchmarking
    วิเคราะห์ผลิตภัณฑ์/บริการ เช่น คุณภาพ ฟีเจอร์ ราคา หรือรีวิวจากลูกค้า เพื่อเปรียบเทียบจุดแข็งจุดอ่อน
  2. Process Benchmarking
    เปรียบเทียบกระบวนการภายใน เช่น การบริการหลังการขาย เวลาการตอบสนองลูกค้า หรือ Workflow ด้าน Digital Marketing
  3. Performance Benchmarking
    ดูตัวเลขชัด ๆ เช่น ยอดขาย การเติบโตของลูกค้า อัตราการมีส่วนร่วม (Engagement Rate) หรือ Conversion
  4. Marketing Benchmarking
    โฟกัสไปที่การตลาดโดยตรง เช่น Content Strategy, SEO, SEM, Social Media Campaigns และ Customer Journey
  5. Customer Experience Benchmarking
    ศึกษาประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับจากคู่แข่ง ตั้งแต่การค้นหาข้อมูล การซื้อ ไปจนถึงบริการหลังการขาย 
ขั้นตอนการทำ Competitor Benchmarking
เพื่อให้การวิเคราะห์มีประสิทธิภาพ สามารถแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอนหลัก
  1. ระบุคู่แข่งที่สำคัญ
    เลือกคู่แข่งโดยแบ่งเป็น Direct Competitors (คู่แข่งโดยตรงที่ขายสินค้า/บริการเดียวกัน) และ Indirect Competitors (คู่แข่งทางอ้อมที่อาจดึงงบประมาณลูกค้าไปใช้ในสิ่งอื่นแทน)
  2. กำหนดตัวชี้วัด (KPI)
    องค์กรควรเลือก KPI ที่ชัดเจน เช่น ยอดขายต่อเดือน ค่าใช้จ่ายโฆษณา อัตรา Conversion การเข้าถึงบน Social Media หรือระดับความพึงพอใจของลูกค้า
  3. เก็บข้อมูลคู่แข่ง
    ปัจจุบันสามารถใช้เครื่องมือ Martech เข้ามาช่วยเก็บข้อมูล เช่น
    – Social Listening Tools เพื่อติดตามเสียงของผู้บริโภคบนโซเชียล
    – SEO Tools เช่น Ahrefs, SEMrush เพื่อตรวจสอบคีย์เวิร์ด
    – Competitor Analytics Platforms เพื่อติดตามการลงทุนโฆษณาและกลยุทธ์ออนไลน์
  4. วิเคราะห์และตีความข้อมูล
    เปรียบเทียบข้อมูลคู่แข่งกับองค์กรตนเอง เช่น ทำไมคู่แข่งมี Engagement สูงกว่า หรือทำไม Conversion ดีกว่า
  5. วางแผนกลยุทธ์และปรับปรุง
    นำสิ่งที่ได้จาก Benchmark มาใช้จริง เช่น การปรับโครงสร้างแคมเปญโฆษณา การสร้าง Content ใหม่ หรือการพัฒนา Customer Experience
กรณีศึกษา (Case Study)

1. แบรนด์ค้าปลีกออนไลน์
บริษัทหนึ่งในไทยนำ Social Listening Tool มาเปรียบเทียบรีวิวสินค้าและการพูดถึงแบรนด์ พบว่าคู่แข่งมีจุดแข็งด้าน “บริการหลังการขาย” จึงลงทุนสร้าง Chatbot เพื่อดูแลลูกค้าแบบเรียลไทม์ ผลคือ Engagement และความพึงพอใจเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
2. ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B)
ร้านเครื่องดื่มเปรียบเทียบ Social Media Campaign ของคู่แข่ง พบว่าคู่แข่งใช้ Influencer Marketing อย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้ลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นเพิ่มขึ้น ทางร้านจึงทดลองใช้กลยุทธ์เดียวกันและปรับให้เข้ากับ Positioning ของตนเอง ส่งผลให้ยอดขายโตขึ้นกว่า 20%

ความท้าทายของ Competitor Benchmarking

แม้จะมีประโยชน์มาก แต่ก็ยังมีความท้าทาย เช่น

  • ข้อมูลไม่ครบถ้วน: บางข้อมูลของคู่แข่งไม่เปิดเผยสู่สาธารณะ
  • การตีความผิดพลาด: หากไม่มี Framework ที่ชัดเจน อาจทำให้วิเคราะห์ผิดทิศทาง
  • การตามคู่แข่งมากเกินไป: Benchmarking ควรเป็น “แรงบันดาลใจ” ไม่ใช่การ “ลอกเลียนแบบ” 
แนวทางปฏิบัติที่ดี (Best Practices)
  1. ทำ Benchmarking อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำเพียงครั้งเดียว เพราะตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนตลอดเวลา
  2. ใช้หลายแหล่งข้อมูล เพื่อความแม่นยำ ไม่พึ่งพาเพียง Social Media อย่างเดียว
  3. ผสมผสานกับกลยุทธ์องค์กร ไม่ควร Benchmark เพียงเพื่อเปรียบเทียบ แต่ต้องเชื่อมโยงกับเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว
  4. ใช้ Martech เข้ามาช่วย เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและแม่นยำในการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ 
Competitor Benchmarking ไม่ใช่เพียงการจับตามองคู่แข่ง แต่คือ การเรียนรู้เชิงกลยุทธ์ ที่ช่วยให้องค์กรรู้จักจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง ตลอดจนเห็นโอกาสใหม่ทางธุรกิจ เมื่อผสานเข้ากับ Martech องค์กรจะสามารถวิเคราะห์ได้อย่างลึกซึ้งและแม่นยำยิ่งขึ้น
ในยุคที่ข้อมูลคืออาวุธสำคัญ การ Benchmarking อย่างมีระบบจะทำให้แบรนด์ไม่เพียงแค่ “ตามทัน” แต่ยังสามารถ “ก้าวนำ” คู่แข่งในสมรภูมิดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน 

✓ The right insight at your fingertips.

—————

“InsightERA” ผู้ให้บริการ MarTech แบบครบวงจร

สนใจหรือสอบถามเพิ่มเติม
https://www.insightera.co.th/contact-us/
Email : [email protected]