SHARES:
หลายท่านคงคุ้นเคยกับ Adobe เป็นอย่างดีจากการเป็นผู้ผลิตเครื่องมือออกแบบเชิงสร้างสรรค์ และ Software ที่มีชื่อเสียงระดับโลก

ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา Adobe ได้มีการแถลงเปิดตัวสำนักงานในไทยครั้งแรก นำโดย Simon Dale รองประธานบริหาร และกรรมการผู้จัดการประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเกาหลีของ Adobe ได้มีการเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีและบริการใหม่ๆ รวมไปถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งสำนักงานในไทย

 
วันนี้อินไซท์เอราจะยกประเด็นที่น่าสนใจอย่าง Digital Economy ไทยในอนาคตอีก 2 ปี ข้างหน้ากันค่ะ
Digital Economy อีกหนึ่งเศรษฐกิจสำคัญในไทย 

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา Digital Transformation เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมทุกวงการ ซึ่งเป็นช่วยในการยกระดับองค์กรไม่ว่าจะเป็นการ Upskill หรือ Reskill และเป็นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดเพื่อให้องค์กรสามารถเติบโตพร้อมต่อสู้กับคู่แข่ง

Adobe ได้มีการสำรวจในกลุ่มผู้บริโภคจำนวน 13,000 ราย และผู้เชี่ยวชาญในสายงานด้านการตลาดและ CX (Customer Experience) จำนวน 4,250 ราย จาก 14 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, เดนมาร์ก, เนเธอร์แลนด์, สวีเดน, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ญี่ปุ่น, อินเดีย, สิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยมีไฮไลท์สำคัญจากผลสำรวจ ดังนี้

เศรษฐกิจดิจิทัล มีความสำคัญกับลูกค้า
  • ลูกค้ากว่า 85% กล่าวว่า Digital Economy มีผลต่อการสร้างประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า
  • กลุ่มลูกค้า Gen Z & Gen Y มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า Digital Marketing จะเข้ามามีบทบาทและอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตมากขึ้น
  • นักการตลาดมากถึง 98% มีความเห็นว่าเทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทต่อการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า
  • กว่า 68% มองว่า Digital Economy เป็น “ส่วนสำคัญ” ของการสร้างประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า รวมถึงการสร้างประสบการณ์แบบ In-Person 
New Format การสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบใหม่

ใน 2 ปีข้างหน้า ลูกค้าจะคาดหวังกับการได้รับประสบการณ์แบบใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น ดังนี้

  • 3D : 76% ของผู้บริโภคทั้งหมด (และ 87% ในกลุ่มผู้บริโภคเจน Z) คาดหวังว่าจะสามารถเห็นภาพผลิตภัณฑ์สามมิติ (3D) ของแบรนด์ในร้านค้าออนไลน์
  • Video : 84% ของผู้บริโภค (และ 90% ในกลุ่มผู้บริโภคเจน Z) คาดหวังจะเห็นวิดีโอของผลิตภัณฑ์
  • AR/VR : 76% ของผู้บริโภคทั้งหมด (และ 81% ในกลุ่มผู้บริโภคเจน Z และมิลเลนเนียล) คาดหวังว่าจะได้รับประสบการณ์จากผลิตภัณฑ์ผ่าน AR หรือ VR
  • Digital-to-Physical : 59% ของผู้บริโภคทั้งหมด (และ 72% ในกลุ่มผู้บริโภคเจน Z และมิลเลนเนียล) คาดหวังความสามารถในสร้าง Digital Product ที่สามารถแปลงเป็น Physical Product ได้ เช่น การออกแบบรองเท้าออนไลน์หรือรองเท้าเสมือนจริง แล้วผู้บริโภคก็สามารถซื้อสินค้ารุ่นดังกล่าวได้ที่ร้านค้าออฟไลน์ 
เศรษฐกิจตกต่ำ แต่ความต้องการเพิ่มมากขึ้น

ถึงแม้สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ความต้องการของลูกค้าไม่ได้ลดลงตามไปแต่ กลับเพิ่มสูงขึ้น โดยผู้รับการวิจัยเผยว่า ผู้บริโภคกว่าครึ่งคาดหวังประสบการณ์ที่ดีกว่าเดิม เมื่อเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลง และความคาดหวังของลูกค้าจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจอ่อนแอ

  • กว่า 70% ของนักการตลาดกล่าวว่า ลูกค้าคาดหวัง “ประสบการณ์ที่ดีมากขึ้น” และยิ่งบริษัทใหญ่เท่าไหร่ ความคาดหวังยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
  • กลุ่มลูกค้าวัยรุ่นมีความคาดหวังสูงต่อเรื่องประสบการณ์ ซึ่ง Gen Z มีแนวโน้มคาดหวังสูงต่อเรื่อง Personalized จากแบรนด์ เกือบ 60% และกลุ่ม Gen Y กว่า 53% คาดหวังว่าจะได้รับประสบการณ์แบบ Personalized มากขึ้นจากแบรนด์ เทียบกับ 39% ของผู้บริโภคทั้งหมด

ปัจจุบันเป็นยุคที่ผู้คนหันมาสนใจใน Content & Platform Era จึงเกิดปริมาณคอนเทนต์ที่เพิ่มมาก และแพลตฟอร์มที่หลากหลายมากขึ้นตามมา ซึ่งแบรนด์ส่วนใหญ่จึงให้ความสำคัญกับ Personalization
เพราะลูกค้ายุคใหม่มักมีความต้องการเสพเฉพาะเนื้อหาเฉพาะบุคคล แบรนด์จึงต้องยิ่งให้ความสำคัญกับลูกค้า ผ่านช่องทางที่หลากหลายมากขึ้น 

โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Adobe เห็นถึงความต้องการใช้ข้อมูลที่มีความหลากหลาย เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และคาดการณ์ว่าอีก 2 ปีข้างหน้าก็ก็จะเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า

ดังนั้นแบรนด์จึงต้องมีการพัฒนาไม่หยุดนิ่ง และเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งหาโอกาสในการสร้างฐานลูกค้าใหม่ๆ เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตต่อไปได้ 

การ Shopping ในอนาคต จะเป็นรูปแบบ Digital

ในอีก 2 ปีข้างหน้า ลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น มากถึง 71% คาดหวังที่จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการ Shopping Online หรือใน Metaverse เช่น ร้านค้า หรือ Marketplace Online บน Social Media และโลกเสมือน

เทรนด์ MarTech การสร้าง Customer Experience ในอีก 2 ปีข้างหน้า
  • 76% ของแบรนด์ จะเปิดให้ลูกค้าสร้างสินค้าเสมือนจริงที่สามารถแปลงเป็นสินค้าที่จับต้องได้จริง
  • 74% ของแบรนด์ จะนำเสนออีเวนต์ที่ผสานเทคโนโลยีเสมือนจริง เช่น คอนเสิร์ต, แฟชันโชว์, งานแสดงสินค้า ฯลฯ
  • 74% ของแบรนด์ จะใช้ Virtual Token, เครดิต, หรือ NFTs เพื่อเทรดสินค้าหรือรับประสบการณ์ต่าง ๆ
  • 72% ของแบรนด์ จะมอบประสบการณ์การเล่น Virtual Game แก่ลูกค้าเพื่อเก็บคะแนนชิงรางวัล
  • 72% ของแบรนด์ จะมอบสิทธิพิเศษระดับ VIP แก่ลูกค้า เพื่อสัมผัสประสบการณ์การเสมือนจริงร่วมกับ Influencer หรือ Celebrity
  • 71% ของแบรนด์ จะเปิดให้ลูกค้าเข้าถึงพื้นที่เสมือนจริงในโลกออนไลน์ สำหรับ Hang-Out กับเพื่อน ๆ 
ปัจจุบันทุกประสบการณ์ของลูกค้าล้วนถูกผสานเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ซึ่งจะเห็นได้ว่าปี 2023 MarTech เป็นที่นิยม และมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเตรียมพร้อมกับ Digital Economy ทั้งยังเป็นตัวช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ช่วยในการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วด้วยการใช้ข้อมูลอ้างอิงอย่างมีเหตุมีผล ซึ่งนักการตลาดสามารถวางแผนกลยุทธ์ในการทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

 

 

สำหรับท่านที่สนใจเครื่องมือ Martech มาช่วยในการวิเคราะห์และต่อยอดกลยุทธ์ทางการตลาดได้ดียิ่งกว่าเดิม “อินไซท์เอรา” เราคือผู้เชี่ยวชาญการให้บริการ Marketing Technology (MarTech) แบบครบวงจร ที่ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ

บริการ End-to-End Digital Marketing Technology & Services ที่ตอบโจทย์การวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดครบทุกมิติ ตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ ไปจนถึงการวัดผลลัพธ์ที่แม่นยำ เสริมความสามารถในการทำการตลาด และการแข่งขันทางธุรกิจ ด้วยบริการและเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ

หากสนใจเครื่องมือ MarTech Tools หรือบริการครบวงจรจากอินไซท์เอรา สามารถติดต่อผ่านช่องทางด้านล่างได้เลยนะคะ “อินไซท์เอรา พร้อมดูแลธุรกิจคุณให้ยืนหยัดบนตลาดดิจิทัลอย่างยั่งยืน”

 

 

✓ The right insight at your fingertips.

—————

“InsightEra” ผู้ให้บริการ MarTech แบบครบวงจร

สนใจหรือสอบถามเพิ่มเติม
https://www.insightera.co.th/contact-us/
Email : [email protected]