ในโลกของอีคอมเมิร์ซที่หมุนเร็วและแข่งขันสูง “เทศกาล Mega Sale” อย่าง 11.11 หรือ 12.12 กลายเป็นสนามรบสำคัญที่ทั้งแบรนด์ใหญ่และธุรกิจขนาดกลาง–ขนาดย่อม (SMB) ต่างต้องเตรียมกลยุทธ์ให้พร้อมที่สุด เพื่อคว้าโอกาสการขายมหาศาลในช่วงเวลาสั้นๆ
จากข้อมูลของ Think with Google พบว่าในปี 2024 ผู้บริโภคออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 81% เคยซื้อสินค้าในวัน Double Day ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2023 ที่มีเพียง 74% สะท้อนให้เห็นว่ากระแสของ Mega Sale ยังคงร้อนแรงไม่เสื่อมคลาย และกลายเป็น “จุดพีค” ที่ผู้บริโภคตั้งตารอ
สำหรับธุรกิจ SMB ที่มีงบประมาณจำกัดและต้องการใช้ทุกบาทของงบโฆษณาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด บทความนี้จะพาทุกท่านมาดูกลยุทธ์จาก Google Marketing Playbook ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงใน 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่
1. แสดงตัว: ปรากฏตัวในที่ที่ผู้คนค้นหาและตัดสินใจ
2. เริ่มให้ถูกเวลา: ดึงดูดนักช็อปที่มีความตั้งใจในการซื้อสูง
3. ค้นหา Lead: ปรับแคมเปญเพื่อเพิ่มผลลัพธ์
1. แสดงตัว: ปรากฏตัวในที่ที่ผู้คนค้นหาและตัดสินใจ
ผู้บริโภคยุคนี้ไม่ได้ซื้อของด้วยการ “ค้นหา–คลิก–จบ” อีกต่อไป พฤติกรรมของพวกเขาเต็มไปด้วยการสลับไปมาระหว่างการค้นหา การสตรีมวิดีโอ การอ่านรีวิว และการเปรียบเทียบราคาบนหลายแพลตฟอร์มพร้อมกัน
Google เรียกพฤติกรรมนี้ว่า “เส้นทางการซื้อที่ไม่เป็นเส้นตรง (Nonlinear Purchase Journey)” ซึ่งผู้คนจะค้นหา (Search) สตรีม (Stream) เลื่อนดู (Scroll) และซื้อ (Shop) ไปพร้อมๆ กัน หรือที่เรียกว่า “พฤติกรรม 4S”
เข้าใจจังหวะของผู้บริโภคให้มากกว่าแค่การลงโฆษณา
มากกว่า 70% ของนักช็อปจะเริ่มค้นหาข้อมูลล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ ก่อนถึงวัน Mega Sale เพราะพวกเขาต้องการเปรียบเทียบราคา อ่านรีวิว และเก็บข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อจริง
คีย์เวิร์ดที่มักถูกค้นหาในช่วงนี้ไม่ได้มีแค่ชื่อแบรนด์หรือชื่อสินค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคำอย่าง
- “ส่งฟรี”
- “คืนฟรี”
- “ส่วนลด”
- “คูปองส่วนลด”
คำเหล่านี้สะท้อน “เจตนาซื้อ (Purchase Intent)” ได้อย่างชัดเจน และเป็นจุดที่ธุรกิจ SMB สามารถเข้าไปแทรกตัวได้อย่างชาญฉลาด
กลยุทธ์สำหรับธุรกิจ SMB
- ใช้ Search Ads และ Shopping Ads เพื่อให้แบรนด์ของคุณปรากฏบนหน้าแรกเมื่อมีการค้นหาคำเหล่านี้
- สร้าง Landing Page ที่เน้นสิทธิประโยชน์ที่ผู้บริโภคต้องการ เช่น “จัดส่งฟรีภายใน 24 ชั่วโมง” หรือ “คืนสินค้าได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย”
- ใช้ Performance Max Campaign เพื่อให้ระบบ AI ของ Google ช่วยจัดสรรงบโฆษณาอย่างอัตโนมัติให้กับช่องทางที่ให้ผลดีที่สุด เช่น YouTube, Search, Gmail หรือ Discovery
เมื่อแบรนด์ของคุณปรากฏในจุดที่ผู้คนกำลัง “คิดและตัดสินใจ” อยู่พอดี โอกาสในการชนะใจลูกค้าก็จะสูงขึ้นอย่างมาก
2. เริ่มให้ถูกเวลา: ดึงดูดนักช็อปที่มีความตั้งใจในการซื้อสูง
ในช่วงเทศกาลลดราคาที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย การเริ่มต้นก่อนคู่แข่งเพียงไม่กี่วันอาจสร้างความแตกต่างอย่างมหาศาล เพราะ “นักช็อปที่มีความตั้งใจซื้อสูง” มักเริ่มสนใจสินค้าและบริการตั้งแต่เนิ่นๆ
ทำไมการเริ่มก่อนจึงสำคัญ
Google แนะนำให้ธุรกิจเริ่มปล่อยแคมเปญ ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนวัน Mega Sale เพื่อให้ระบบ AI มีเวลาเรียนรู้พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย และเพื่อกระตุ้นความสนใจของนักช็อปก่อนถึงวันจริง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ แคมเปญ Demand Gen ซึ่งออกแบบมาเพื่อ “ดึงดูดกลุ่มที่มีแนวโน้มซื้อจริง” ไม่ใช่แค่ผู้ที่เลื่อนดูผ่านๆ
ประสิทธิภาพของ Demand Gen Campaign
- เข้าถึงผู้ใช้กว่า 3 พันล้านรายต่อเดือน ผ่านแพลตฟอร์มในเครือ Google เช่น YouTube, Discover และ Google Display Network
- ใช้ต้นทุนต่อคลิก (CPC) น้อยกว่าโฆษณาโซเชียลถึง 90% และต้นทุนต่อการแสดงผล (CPM) ต่ำกว่า 74%
- มีระบบ AI Optimization ที่ช่วยแสดงโฆษณาให้กับกลุ่มที่มีแนวโน้มจะซื้อจริงมากที่สุด
กลยุทธ์การเริ่มต้นสำหรับธุรกิจ SMB
- วางเป้าหมายชัดเจน ว่าต้องการ Conversion แบบใด เช่น ยอดขาย การสมัครสมาชิก หรือการเข้าชมเว็บไซต์
- ใช้ Audience Signals เพื่อบอก AI ว่าคุณต้องการกลุ่มลูกค้าแบบไหน เช่น ผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ หรือผู้ที่สนใจสินค้าประเภทเดียวกัน
- ปล่อยวิดีโอทีเซอร์หรือโปรโมชั่นพิเศษ บน YouTube ก่อนถึงวัน Mega Sale เพื่อสร้างการรับรู้และความคาดหวัง
ยิ่งเริ่มต้นเร็วเท่าไร คุณก็จะยิ่งมีโอกาส “ปลูกเมล็ดความสนใจ” ในใจลูกค้าก่อนคู่แข่ง และเก็บเกี่ยวยอดขายได้มากกว่าในวันจริง
3. ค้นหา Lead: ปรับแคมเปญเพื่อเพิ่มผลลัพธ์
เมื่อแคมเปญเริ่มทำงานแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการ “ปรับแต่ง” เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในด้าน Conversion, ROI และการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพมากที่สุด
เพิ่มพลังให้โฆษณาด้วยวิดีโอ
จากข้อมูลของ Google ผู้ลงโฆษณาที่ใช้ โฆษณาแบบรูปภาพและวิดีโอร่วมกัน ภายใต้แคมเปญ Demand Gen พบว่าได้ Conversion มากกว่า 6% ต่อทุกดอลลาร์ที่ใช้จ่าย เมื่อเทียบกับการใช้เฉพาะภาพนิ่ง
นั่นเพราะวิดีโอช่วยสร้างอารมณ์และแรงจูงใจในการซื้อได้ดีกว่า ภาพเคลื่อนไหวและเสียงสามารถถ่ายทอด “คุณค่าของแบรนด์” และ “ความรู้สึกเร่งด่วนของดีล” ได้อย่างทรงพลัง
เคล็ดลับสำหรับธุรกิจ SMB
- ใช้แอป YouTube Create เพื่อสร้างวิดีโอหรือ Shorts จากมือถือได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้ทีมโปรดักชันขนาดใหญ่
- เน้นสตอรี่ที่กระชับ มี Call-to-Action ชัดเจน เช่น “ช็อปเลยวันนี้ ลดสูงสุด 50% เฉพาะช่วง Mega Sale เท่านั้น”
- ทดลองใช้หลายรูปแบบ เช่น วิดีโอรีวิวสั้นๆ หรือวิดีโอ How-to เพื่อดูว่าคอนเทนต์แบบไหนกระตุ้นการคลิกมากที่สุด
เข้าถึงลูกค้าใหม่ด้วย Lookalike Segment
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญคือการใช้ “กลุ่มที่คล้ายกัน (Lookalike Segment)” ซึ่งระบบ AI จะช่วยคุณค้นหากลุ่มผู้บริโภคใหม่ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับลูกค้าปัจจุบัน
ตัวอย่างเช่น ถ้าลูกค้าของคุณคือกลุ่มคนอายุ 25–35 ปีที่มักซื้อผ่านมือถือ ระบบจะหาผู้ใช้กลุ่มใหม่ที่มีพฤติกรรมและความสนใจคล้ายกันมาให้โดยอัตโนมัติ
และที่ดียิ่งกว่านั้นคือ กลุ่ม Lookalike จะอัปเดต “เรียลไทม์” ตามกิจกรรมล่าสุดของลูกค้า ทำให้คุณสามารถขยายฐานผู้ชมได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องสร้างกลุ่มเป้าหมายใหม่ทุกครั้ง
ปรับแต่งอย่างต่อเนื่องด้วยข้อมูล Martech
หากธุรกิจของคุณใช้เครื่องมือ Martech ในการเก็บข้อมูล เช่น Social Analytics, CRM หรือ Conversion Tracking คุณสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาเชื่อมกับแคมเปญ Google Ads เพื่อวัดผลได้แม่นยำยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น
- เชื่อมข้อมูลยอดขายจากระบบ CRM เพื่อดูว่ายอดขายจริงตรงกับแคมเปญใด
- ใช้ Social Listening เพื่อดูว่าโปรโมชั่นไหนได้รับเสียงตอบรับดีที่สุดบนโซเชียล
- นำข้อมูล Conversion จากเว็บไซต์กลับเข้า Google Ads เพื่อให้ AI ปรับอัตโนมัติ
การผสมผสานระหว่างข้อมูล Martech ภายในองค์กรและระบบอัจฉริยะของ Google จะช่วยให้แคมเปญของคุณมี “วงจรเรียนรู้และพัฒนา” ที่ดีขึ้นในทุกครั้ง
Mega Sale ไม่ใช่เรื่องของแบรนด์ใหญ่เท่านั้น
ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะมีงบประมาณเท่าไร หรือมีทีมการตลาดขนาดเล็กแค่ไหน ช่วง Mega Sale คือโอกาสทองในการสร้างยอดขายและขยายฐานลูกค้าใหม่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งสำคัญคือการลงมืออย่างมีระบบ
- แสดงตัวในจุดที่ลูกค้าค้นหาและตัดสินใจ ด้วยคีย์เวิร์ดที่ตอบโจทย์พวกเขา
- เริ่มต้นก่อนเวลา เพื่อให้ AI เรียนรู้และเข้าถึงผู้มีแนวโน้มซื้อสูงสุด
- ปรับแต่งแคมเปญอย่างชาญฉลาด ด้วยวิดีโอ Lookalike Segment และข้อมูล Martech
หากทำได้ครบทั้งสามขั้นตอนนี้ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจะสามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ได้อย่างมั่นใจ และใช้ทุกเทศกาล Mega Sale ให้เป็น “จังหวะเร่งการเติบโต” ของยอดขายอย่างแท้จริง
พร้อมหรือยัง…สำหรับช่วงเวลาทองของการขาย?
เพราะ “การเตรียมตัวก่อนใคร” คือหัวใจสำคัญของความสำเร็จในทุก Mega Sale
ธุรกิจที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค และเลือกใช้เทคโนโลยี MarTech อย่างชาญฉลาด
ย่อมสามารถสร้างประสบการณ์ที่โดดเด่น และเปลี่ยนช่วงโปรโมชั่นให้กลายเป็นโอกาสทางการตลาดครั้งใหญ่ได้เสมอ
หากธุรกิจของทุกท่านพร้อมปรับกลยุทธ์ให้เหนือกว่า InsightERA พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ ช่วยนำเทคโนโลยี MarTech ที่เหมาะสมมาสร้าง Customer Experience ที่แตกต่าง และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในทุก Touchpoint ตลอดเส้นทางการซื้อของลูกค้า
📩 หากต้องการพูดคุยกับทีมผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนกลยุทธ์การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจริง
และเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณ ติดต่อเราได้เลยวันนี้
✓ The right insight at your fingertips.
—————
“InsightERA” ผู้ให้บริการ MarTech แบบครบวงจร
สนใจหรือสอบถามเพิ่มเติม https://www.insightera.co.th/contact-us
Email : [email protected]